วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

สัจธรรมในการทำงาน

สุดมือสอยก็ปล่อยมันไป

เมื่อคุณชี้แจงไปแล้ว เขาก็ควรจะยอมรับฟัง แต่เมื่อเขาไม่ฟัง และคุณก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดไปแล้ว ก็คงต้อง “ ปล่อยมันไป ”

ในโลกนี้ มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่เราไม่สามารถให้เวลากับมัน หรือไม่สามารถทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุด แต่แล้วเราก็ต้องปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นผ่านไป เพราะหากเรามัว แต่จะ “ นับเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา ” เวลาของคุณคงไม่พอเป็นแน่
(มีความหมายว่า จะพยายามทำให้คนทั้งโลกรู้สึกพอใจตัวเราในทุกเรื่อง)

ดังนั้น ทำอะไรก็ตาม ควรทำเท่าที่เราทำได้ เมื่อทำอย่างดีที่สุดแล้ว คนเขาไม่เห็นว่าดีก็ต้อง “ ปล่อยมันไป ”

เลือกทำในสิ่งที่เห็นว่า เราถนัดที่สุด และมีความสุขที่จะทำก็พอแล้ว อะไรก็ตาม ที่เราไม่ถนัด หรือถึงถนัด...แต่ไม่มีความสุขที่จะทำ ก็อย่าทำ

เรามีเวลาไม่มากนักหรอกที่จะแบกสารพัดภาระในโลกนี้ ควรมองไหล่ของตัวเองดูสักหน่อยว่า พร้อมจะแบกเป้หลังที่มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเองเพราะไม่เพียงแต่มันจะทำให้คุณเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของคุณด้วย

วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

ทำได้เพียง.....เพลงที่เพราะที่สุดในเวลานี้



นานกว่าจะทำใจ
กว่าจะเรียนรู้มันอย่างไร
รักของเธอกับฉันมันไม่ง่าย
เมื่อวันเวลาที่คอยสั่งสอนให้เราเข้าใจ
มันตัดสินให้ต้องลา

ฉันคงไม่โทษที่เธอไป
เพราะว่าเข้าใจตลอดมา

หมดเวลาแล้วเธอคงต้องไป
แต่สิ่งที่เหลือในใจยังอยู่
คือความคิดถึงที่เธอนั้นไม่รู้
พูดไม่ได้ ทำได้เพียงแค่คิดถึงเธอ

ยอมอยู่กับความจริง
แต่จะไม่ทิ้งเรื่องราวที่ดี
ฉันจะมีเธอไว้ในหัวใจ
อยู่กับเวลาที่มันยังหมุนให้ก้าวต่อไป
แม้ต้องเหงาสักเท่าไร

ฉันคงไม่โทษที่เธอไป
เพราะว่าเข้าใจตลอดมา

หมดเวลาแล้วเธอคงต้องไป
แต่สิ่งที่เหลือในใจยังอยู่
คือความคิดถึงที่เธอนั้นไม่รู้
พูดไม่ได้ ทำได้เพียงแค่คิดถึงเธอ

ฉันคงไม่โทษที่เธอไป
เพราะว่าเข้าใจตลอด
และยังเข้าใจตลอดมา

หมดเวลาแล้วเธอคงต้องไป
แต่สิ่งที่เหลือในใจยังอยู่
คือความคิดถึงที่เธอนั้นไม่รู้
พูดไม่ได้ ทำได้เพียงแค่คิดถึงเธอ

แต่สิ่งที่เหลือในใจยังอยู่
คือความคิดถึงที่เธอนั้นไม่รู้
พูดไม่ได้ ทำได้เพียงแค่คิดถึงเธอ

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

เทวดาเจ้าไอเดีย

เช้าวันนึงพนักงานบริษัทหนุ่มเกิดรู้สึกขี้เกียจไปทำงาน


"วันนี้ผมป่วยน่ะครับ คงไม่เข้าไปทำงาน" เขาโทรไปบอกที่บริษัท

นั่งๆนอนๆสักพักเขาก็รู้สึกอยากไปตีกอล์ฟ เขารีบแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วคว้าถุงกอล์ฟขับรถบึ่งไปที่สนามกอล์ฟทันที ด้วยความที่เป็นวันธรรมดาสนามกอล์ฟดูโล่งมาก ไม่มีใครมาตีเลยซักกะคนเดียว แต่เขาไม่สนใจ เข้าประจำแท่นทีออฟทันที

เทวดากลุ่มหนึ่งมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และรู้สึกว่าหมอนี่น่าจะต้องเจอบทเรียนบ้าง

"เดี๋ยวผมจัดการเอง"  เทวดาองค์หนึ่งอาสาด้วยใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง

ไอ้หนุ่มหวดลูกออกไปเต็มแรง ลูกของเขาพุ่งลอยไปอย่างสวยงาม ตรงไปที่กรีน แล้วกลิ้งลงหลุมไปอย่างสวยงาม

"โฮลอินวัน"  ไอ้หนุ่มตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

"เกิดมาเพิ่งเคยทำได้โว้ย ฝีมือมั้ยล่า..."

"ไหนคุณว่าจะสั่งสอนเขาไง"  เทวดาองค์หนึ่งว่า

"ทำไมปล่อยให้เขาได้โฮลอินวันแบบนี้"
 
"เอาเหอะน่า..."  เทวดาเจ้าไอเดียยิ้ม


"คอยดูซิว่าเขาจะกล้าเล่าให้คนอื่นฟังมั้ย..."

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

ข้ามพ้นปัญหาตัวตน


ที่มา: หนังสือว่ายทวนน้ำ โดย: พระไพศาล วิสาโล

ปัญหาตัวตนเป็นปัญหาสำคัญของคนยุคนี้ พูดเช่นนี้มิได้หมายความว่าคนสมัยก่อนไม่มีตัวตน เป็นแต่ว่าคนสมัยก่อนมิได้ถือว่าตัวตนเป็นเรื่องยิ่งใหญ่อย่างคนสมัยนี้ ที่สำคัญก็คือเขามองว่า "ตัวตนของเขาแยกไม่ออกจากครอบครัว ชุมชนและธรรมชาติ" แต่พอมาถึงยุคนี้ผู้คนพากันเน้นเรื่องตัวตนกันมาก เพราะมองโลกอย่างแยกส่วน คือมองว่าตัวเองแยกขาดจากสิ่งอื่นแล้ว ถือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แล้วความทุกข์ก็เกิดขึ้นได้ง่ายและมากเพราะอะไรต่ออะไรก็มากระทบถึงตัวหมด

ปัญหาตัวตนของคนยุคนี้แสดงออกอย่างชัดเจนก็คือ "ความไม่พอใจในตัวตน" คนส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ถูกทำให้รู้สึกไม่พอใจในตัวตนของตน เห็นว่าอ้วนบ้าง ไม่ทันสมัยบ้าง จึงอยากจะมีตัวตนใหม่ วิธีสร้างตัวตนใหม่ของคนปัจจุบันก็คือ การบริโภคโดยเฉพาะการบริโภคสินค้าที่มียี่ห้อดัง เวลานี้สินค้ามี่ยี่ห้อกลายเป็นที่นิยมมาก ไม่ใช่เพราะว่ามันอร่อย หรือสนองสัมผัสทางกายเท่านั้น ที่สำคัญคือมันตอบสนองจิตใจที่ต้องการมีตัวตนใหม่

สมัยก่อนผู้คนคิดว่า ถ้ากินดีหมีก็จะแข็งแรงเหมือนหมี กินอวัยวะสืบพันธุ์ของเสือก็จะมีพลังทางเพศแกร่งเหมือนเสือ คนสมัยนี้ก็คิดไม่ต่างกัน นี่คือความรู้สึกในจิตไร้สำนึกของคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการสร้างตัวตนใหม่ด้วยการบริโภคสินค้าชื่อดัง จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ต้องการซื้อวัตถุ แต่ต้องการซื้อหรือบริโภคตัวตนที่ (เชื่อว่า) พ่วงติดมากับยี่ห้อเหล่านั้น

มองให้ลึกลงไป เราไม่เพียงต้องการสร้างตัวตนใหม่เท่านั้น หากยังต้องการสร้างความหมายและคุณค่าให้แก่ชีวิตของเรา  ความหมายของชีวิตจะได้มาจากไหน เวลานี้คนจำนวนมากคิดว่าสามารถได้จากการ
บริโภควัตถุและบริการวัตถุ สิ่งนี้จึงกลายเป็นตัวให้ความหมายและคุณค่ากับชีวิต

ชีวิตจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมีสิ่งเสพสิ่งบริโภค คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเป็นทุกข์ ไม่พอใจในตนเองเพราะขาดสิ่งเสพเหล่านี้ เขารู้สึกว่าชีวิตของเขาไม่มีคุณค่าไม่มีความหมาย ทางเดียวที่จะเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตก็คือไปหาวัตถุยี่ห้อดัง ๆ มาเสพ วัตถุกลายเป็นตัวให้คุณค่าและความหมายกับชีวิต

สมัยก่อนศาสนาเป็นตัวให้คุณค่าและความหมายต่อชีวิต ชีวิตของคุณจะมีคุณค่ามีความหมายก็ต่อเมื่อคุณปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา เช่น ให้ทาน รักษาศีล มีเมตตากรุณา เป็นต้น หรือไม่ก็ต้องทำตามบัญชาของพระเจ้า แต่พอศาสนาเริ่มเสื่อมอิทธิพล ผู้คนไม่เชื่อเรื่องศาสนา จึงไม่รู้จะเอาอะไรมาให้คุณค่าและความหมายแก่ชีวิต สุดท้ายก็ไปหาวัตถุ แต่ก่อนวัตถุจะมีคุณค่าได้ต่อเมื่อถูกกำหนดโดยศาสนา เช่น น้ำมนต์ หรือผ้ายันต์ เป็นต้น พูดอีกอย่างคือแต่ก่อนวัตถุเป็นตัวรองรับคุณค่าและความหมายโดยศาสนาเป็นตัวกำหนด แต่พอศาสนาเสื่อมบทบาทไป วัตถุก็เริ่มเปลี่ยนสภาพจากที่เคยเป็นตัวรองรับความหมายและคุณค่าจากศาสนา กลายเป็นตัวให้คุณค่าและความหมายแก่มนุษย์เสียเอง คือมาทำหน้าที่แทนศาสนาเสียเอง

เวลานี้วัตถุเป็นตัวให้คุณค่าความหมายแก่คนทั้งโลก จากจุดนี้เองที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในวงการอุตสาหกรรมทั่วโลก ปัจจุบันบริษัทใหญ่ ๆ ประกาศชัดเจนว่าเขาไม่ผลิตสินค้าแล้ว เขาจะผลิตคุณค่าและความหมายแทน คือผลิตและสร้างยี่ห้อเป็นหลัก เช่น ไนกี้ เดี๋ยวนี้ไม่ผลิตรองเท้าแล้ว โดยโอนการผลิตไปให้โรงงานในเวียดนาม จีน อินโดนีเซียทำแทน ส่วนบริษัทไนกี้ทำหน้าที่สร้างยี่ห้อให้มีเสน่ห์หรือมนต์ขลังมาก ๆ ขึ้น พูดง่าย ๆ คือใครจะผลิตรองเท้าก็ได้ ไนกี้จะทำหน้าที่ประทับตรา ทำให้กลายเป็นสินค้าที่มีคุณค่าและความหมายขึ้นมาทันที

บริษัทชั้นนำในปัจจุบันทำหน้าที่ "เสก" ให้วัตถุมีคุณค่าขึ้นมา แล้ววัตถุนั้นก็ไปกำหนดคุณค่าของคนซื้ออีกที กระบวนการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้คนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าและความหมาย จึงไปหาเอาจากวัตถุหรือยี่ห้อ ยี่ห้อจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญต่อจิตใจของผู้คนมาก

ปัญหาก็คือตัวตนใหม่ที่ได้จากวัตถุหรือยี่ห้อนั้นหาได้ยั่งยืนไม่ ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่มันให้จริง ๆ คือภาพลักษณ์ต่างหาก ซึ่งไม่คงทน ล้าสมัยง่าย ซื้อมาประดับกายได้ไม่กี่ปีก็ต้องหารุ่นใหม่มาแทน อีกทั้งยังด้อยคุณค่าหากคนอื่นใช้ยี่ห้อที่แพงกว่า อัครฐานมากกว่า วัตถุหรือยี่ห้อจึงไม่สามารถให้ความพึงพอใจได้อย่างแท้จริง ถึงที่สุดแล้วเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวตนได้อย่างแท้จริงด้วยการบริโภค หากต้องอาศัยการปฏิบัติ ซึ้อยี่ห้ออะไรก็ได้สามารถทำให้เราเป็นคนเก่งหรือลูกผู้ชายตัวจริงได้ นอกจากการฝึกฝนตนให้มีความสามารถและคุณธรรม

ที่สำคัญก็คือการแก้ปัญหาตัวตนที่ได้ผลอย่างแท้จริงมิได้อยู่ที่การแสวงหาตัวตนใหม่ที่ดีกว่าเดิม หากอยู่ที่การก้าวพ้นจากเรื่องตัวตน หรือสละตัวตนนั่นเอง "ปัญญา" ที่ทำให้เราตระหนักว่าตัวตนที่แท้จริงนั้นหามีไม่ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยเราปลดเปลื้องปัญหาตัวตนอย่างถึงที่สุด

--------------------------------