วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์หลักทรัพย์ด้วยตนเอง ตอนที่ 2 : ค้นหาหุ้นดี ต้องรู้วิธีวิเคราะห์

รายงานโดย :กฤษฏา เสกตระกูล: วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552


การคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนเป้าหมายอยู่ภายใต้หลักการที่ว่า จะสนใจบริษัทเป้าหมายที่เข้มแข็งที่สุด เพื่อค้นหาบริษัทเหล่านี้จึงต้องทราบกระบวนการในการวิเคราะห์ ซึ่งในที่นี้จะสรุปไว้ 11 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์จากรายงานของนักวิเคราะห์
โดยปกตินักวิเคราะห์หลักทรัพย์ในบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ จะทยอยออกบทวิเคราะห์บริษัทจดทะเบียนเพื่อเสนอต่อลูกค้าและสาธารณชนเป็นระยะๆ ซึ่งมักเป็นรายงานการวิเคราะห์แบบไม่ยาวนัก อธิบายเกี่ยวกับกิจการ แนวโน้มของธุรกิจ ข้อมูลทางการเงินมูลค่าที่เหมาะสม และคำแนะนำให้ซื้อหรือขาย ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูลในเชิงลึกไปได้มาก เราอาจนำบทวิเคราะห์เหล่านี้มาดูว่าบริษัทใดที่นักวิเคราะห์ (ส่วนใหญ่จากหลายๆ บริษัทหลักทรัพย์) ให้คำแนะนำที่ดี เพื่อกรองให้ได้จำนวนหลักทรัพย์เป้าหมายมาไว้ในขั้นต้น

ขั้นตอนที่ 2 การประเมินมูลค่า
หลักทรัพย์ที่เราคัดเลือกมาควรถูกนำมาพิจารณาว่า ราคาตลาดปัจจุบัน (Current Stock Price) เป็นเท่าใด กำไรในอนาคต จะเติบโตอย่างไร การเติบโตของกำไรในอนาคตเป็นส่วนสำคัญที่จะนำมาประเมินมูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) ของกิจการ เพื่อเปรียบเทียบกับราคาตลาดปัจจุบัน ถ้ามูลค่าที่แท้จริงสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน ก็ควรลงทุนซื้อ เพราะราคาตลาดในปัจจุบันจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต เพื่อวิ่งเข้าหามูลค่าที่แท้จริง ในขั้นตอนนี้ นักลงทุนจะต้องเรียนรู้แบบจำลองและวิธีการต่างๆ ในการคำนวณหามูลค่าที่แท้จริงของหลักทรัพย์

ขั้นตอนที่ 3 การประมาณราคาเป้าหมาย
ในขั้นตอนที่ 2 เป็นการพยายามค้นหาหลักทรัพย์ที่มีราคาตลาดที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งเราเรียกว่า Underpriced Stock หลักทรัพย์เหล่านี้ถูกคาดว่าราคาตลาดจะสูงขึ้นในอนาคต ถ้าเราซื้อไว้ในวันนี้ ก็มีโอกาสที่จะได้กำไรส่วนเกิน (Capital Gain) ในบางครั้งราคาตลาดในปัจจุบันมีราคาสูงเกินไป แต่เราค่อนข้างมั่นใจว่าบริษัทนั้นดีมาก เราอาจต้องคอยจนกว่าราคาตลาดตกลงมา จนต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากๆ เราจึงจะเข้าไปซื้อ ที่ราคาตลาดที่เราตั้งใจจะเข้าไปซื้อ ถูกเรียกว่า “ราคาเป้าหมาย (Target Price)” ในขั้นตอนที่ 3 จึงเป็นขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อหาข้อสรุปว่าราคาที่จะเข้าไปซื้อเหมาะสม หรือไม่

ขั้นตอนที่ 4 การวิเคราะห์อุตสาหกรรม
ความสำเร็จของบริษัทเป้าหมายสัมพันธ์อย่างมากกับการใช้กลยุทธ์การตลาดให้ถูกกับกลุ่มเป้าหมายในส่วนแบ่งการตลาด ของตน และยิ่งถ้าอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตมาก (Fast-Growing Industry) การเติบโตของยอดขายและกำไรก็ยิ่งมีโอกาสเพิ่มมากกว่าในอุตสาหกรรมที่เติบโตช้า (Slow Growth or Stagnant Industry) การนำเกณฑ์เหล่านี้มาวิคราะห์ จะทำให้มั่นใจเพิ่มขึ้นว่าเลือกหุ้นไม่ผิดตัวจริงๆ

ขั้นตอนที่ 5 การวิเคราะห์แผนธุรกิจของกิจการ
แม้หลักทรัพย์เป้าหมายจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตดี แต่ถ้ามีแผนกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานที่ไม่ดี ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จได้ นักลงทุนควรสละเวลาทำความเข้าใจว่าบริษัทมีผลิตภัณฑ์อะไร กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือใคร บริษัท ใช้กลยุทธ์การตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ต่อสู้ในเชิงธุรกิจกับคู่แข่งอย่างไร กระบวนการการผลิต การควบคุมต้นทุน การจัดโครงสร้างองค์กร ความสามารถของผู้บริหารเป็นอย่างไร เป็นต้น ซึ่งสามารถหาได้จากแผนธุรกิจของบริษัทที่นำเสนอในรายงานประจำปี หรือแหล่งข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินถึงโอกาสความสำเร็จในการดำเนินกิจการของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นหลักทรัพย์เป้าหมาย

ขั้นตอนที่ 6 การประเมินความสามารถของผู้บริหาร
ผู้บริหารเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำพาบริษัทให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะ ผู้บริหารระดับสูง ลองแบ่งเวลามานั่งดูประวัติและผลงาน รวมทั้งชื่อเสียงของ ผู้บริหาร โดยเฉพาะคนที่เป็นเบอร์ 1 ขององค์กร ว่ามีความโดดเด่นเพียงใด รวมทั้ง ดูทีมงาน การจัดวางคนในตำแหน่งต่างๆ ที่มีความสำคัญ เพื่อให้เรามีความมั่นใจในการเข้าไปลงทุนเพิ่มขึ้น

ขั้นตอนที่ 7 การวิเคราะห์จุดแข็งทางการเงิน
ตรวจสอบฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน เพื่อค้นหาหลักทรัพย์ของบริษัท ที่มีโอกาสล้มละลายน้อยที่สุด นักลงทุนจึงต้องเรียนรู้เทคนิคในการวิเคราะห์งบการเงินจากขั้นต้นจนถึงขั้นสูงสุด เข้าใจทั้งในด้านการวิเคราะห์แบบภาพรวม และการเข้าใจถึงรายการทางบัญชีบางประการที่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง จะมีผลกระทบต่อความเข้มแข็งทางการเงินของบริษัท

ขั้นตอนที่ 8 การวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตของกิจการ
กิจการที่จะเป็นหลักทรัพย์เป้าหมายของนักลงทุน ควรเป็นกิจการที่มีกำไร ขายของได้มียอดขายเพิ่มขึ้น ควบคุมต้นทุนได้ดี และมีกำไรโดยตลอด กิจการแบบนี้มีโอกาสสูงที่จะจ่ายเงินปันผลดี และราคาหุ้นในอนาคตจะสูงขึ้น

ขั้นตอนที่ 9 การสำรวจสัญญาณเตือนภัย
เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่จะทำให้เกิดความเสียหายขึ้น เช่น ยอดขายลดลงอย่างมาก หรือฝ่ายการจัดการลดการลงทุนในสินทรัพย์อย่างมาก เหตุการณ์อย่างนี้ไม่ควรเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนภัย บอกก่อน ลองพิจารณาดูว่า ถ้าใช้เครื่องมือหรือเทคนิคต่างๆ ในการวิเคราะห์ ควรทำให้เราได้เห็นโอกาสว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดได้หรือไม่ ซึ่งทำให้นักลงทุนเตรียมตัวได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย

ขั้นตอนที่ 10 การวิเคราะห์เจ้าของกิจการที่ถือหุ้นข้างมาก
การเปลี่ยนแปลงของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เช่น เจ้าของกิจการ หรือนักลงทุนสถาบัน อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการดำเนินงานของกิจการได้ ซึ่งอาจมีทั้งด้านบวกหรือลบ นักลงทุนจึงต้องคอยติดตามข่าวสารในเรื่องนี้ด้วย

ขั้นตอนที่ 11 การวิเคราะห์รูปแบบของการเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์
การวิเคราะห์รูปแบบการเคลื่อนไหว ของราคาหลักทรัพย์ โดยดูแนวโน้มจากในอดีตถึงปัจจุบัน จะช่วยให้เข้าใจว่าผู้ซื้อขาย ซึ่งเป็นอุปสงค์และอุปทานของหลักทรัพย์เหล่านี้คิดอย่างไร เทคนิคในการดูรูปแบบของราคาหลักทรัพย์มีมากมาย นักลงทุน จึงควรเข้าทำการศึกษา การวิเคราะห์หลัก ทรัพย์ที่เรียกว่า “การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ด้วย เพื่อหาว่าราคาหลักทรัพย์จะไปต่ออย่างไร


ที่มา: http://www.posttoday.com/stockmarket.php?id=73400





วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทัพพีที่หายไป

เมื่อวินัยเชิญแม่ของเขามากินมื้อค่ำที่อพาร์ทเมนท์
ซึ่งเขาอยู่กับสาวสวยชื่อนิสา
คุณแม่จึงอดเคลือบแคลงในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้

ระหว่างร่วมโต๊ะมื้อเย็นนั้นเอง
คุณแม่ของวินัยเฝ้าสังเกตสายตาที่ทั้งคู่มองสบกัน
จนลูกชายชักเดาใจออก จึงรีบพูดขึ้นว่า

“ผมรู้นะว่าแม่กำลังคิดอะไร .. แต่ผมยืนยันได้แน่ว่า
ผมกับนิสาเป็นแค่รูมเมทเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยจริงๆ”

หลังจากแม่ของวินัยกลับไปได้ 1 อาทิตย์ นิสาจึงบอกวินัยว่า

“ตั้งแต่แม่ของคุณมาเยี่ยมเราคราวนั้น ฉันก็หาทัพพีคันโปรดไม่เจอเลย
ที่จริง..ฉันก็ไม่คิดว่าแม่ของคุณจะเอาไปหรอกนะคะ หรือคุณว่ายังไง”

วินัยจึงตอบว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะลองเขียนจดหมายไปถามคุณแม่ดู”

วินัยจึงนั่งลงเขียนจดหมาย เนื้อความว่า..

“เรียน คุณแม่สุดที่รัก..

ผมไม่ได้คิดว่าคุณแม่จะเผลอเอาทัพพีที่บ้านผมไปหรอกนะครับ
แต่จะว่าแม่ไม่ได้เอาไป............... ก็ยังไงอยู่ เพราะทัพพีสวย ๆ
คันหนึ่งหายไปตั้งแต่วันที่คุณแม่มาทานข้าวเย็นที่บ้าน

ขอแสดงความนับถือ

วินัย”


หลายวันต่อมา วินัยได้รับจดหมายตอบจากแม่ของเขา เนื้อความว่า..


“ถึง ลูกชายสุดที่รักของแม่

แม่ไม่เคยพูดว่าลูกมีอะไรกับนิสา
แต่แม่ก็ไม่ได้คิดว่าลูกจะไม่มีอะไรกับเธอ
เพราะความจริงมีอยู่ว่า ถ้านิสานอนที่ห้องตัวเอง ก็คงเจอทัพพีนั่นไปตั้งนานแล้ว

รักมาก
แม่”


นกแก้วราคาเท่าไหร่?

ชายคนหนึ่งไปซื้อนกแก้วที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง เห็นนกแก้วตัวหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่จึงเกิดสนใจถามคนขายว่านกแก้วตัวนั้นราคาเท่าไหร่

ชายคนนั้น : ลุงๆไอ้ตัวนั้นราคาเท่าไหร่

คนขาย : 15,000 บาท

ชายคนนั้น : แล้วมันทำไรได้บ้างล่ะ

คนขาย : ก็ไม่เท่าไหร่ แค่ใช้ window,mac,unix แล้วก็พวกซอฟแวร์ office ต่างๆ

ชายคนนั้น : แล้ว ไอ้ตัวข้างๆมันล่ะ

คนขาย : 25,000 บาท
ชายคนนั้น : โอ้โห อย่างนี้มันคงเขียนโปรแกรมได้ด้วยมั้ง ( หัวเราะ)

คนขาย : ก็ใช่ แถมมันยังดูแล server แล้วก็เขียนโปรแกรมจัดการกับ Database ของร้านได้ด้วยนะ

ชายคนนั้น : แล้วไอ้ตัวนั้นล่ะ ตัวที่มันนั่งเฉยๆอยู่ข้างหลังน่ะ

(ชี้ไปที่นกอีกตัว) มันทำอะไรได้บ้างล่ะ

คนขาย : ไอ้ตัวนั้นอ่ะนะ วันๆผมไม่เห็น มันทำอะไรเลย นอกจากแหกปากด่าไอ้สองตัวที่นั่งอยู่หน้าคอมอยู่นั่นแหละ ผมโคตรรำคาญมันเลยคุณ

ชายคนนั้น : แล้วมันราคาเท่าไหร่ล่ะ

คนขาย : 100,000 บาท

ชายคนนั้น : เฮ้ย ทำไมล่ะ

คนขาย : ผมก็ไม่รู้ แต่เห็นไอ้ 2 ตัวนั้น เรียกมันว่า หัวหน้า !!!

S&P

สามีนอนดูอเมริกันฟุตบอลอยู่ ภรรยาเข้ามาขอร้อง

"ซ่อมไฟทางเดินให้หน่อยสิ มันเสียมาหลายวันแล้ว"

"ซ่อมไฟเหรอ" สามีโมโห

"ฉันไม่ได้ทำงานเจเนรัลอิเลคทริคนะ ดูที่หน้าผากซิมี จีอี. สลักไว้หรือเปล่า"

"งั้นซ่อมประตูตู้เย็นให้หน่อยนะ" ภรรยาขอต่อ

"ซ่อมตู้เย็น ? " สามีฉุน "ไม่ได้ทำงานเวิล์ดพูลนะ ดูหน้าผากฉันซิมีอักษรสลักไว้หรือเปล่า"

"ค่ะ อย่างน้อยช่วยดูบันไดให้หน่อยได้ไหม รู้สึกมันจะพังแล้วนะ

"ซ่อมบันได" สามีโมโหสุดขีด "ฉันไม่ใช่พนักงานรับซ่อมบ้านนะ ดูซิมีเครื่องหมายพนักงานอยู่ตรงไหน"

สามีปึงปังออกจากบ้านไป เขาไปดื่มเหล้าดับอารมณ์อยู่สักพักก็รู้สึกตัวว่าเขาพูดจารุนแรงไป

เขาตัดสินใจกลับบ้านมาซ่อมของใช้ให้ภรรยา

เมื่อกลับเข้าบ้าน เขาเห็นไฟทางเดินส่องสว่างดี ประตูตู้เย็นก็ซ่อมเป็นปกติ บันไดก็ซ่อมเสร็จ

เขาจึงถามภรรยา "ที่รัก นี่เธอซ่อมมันยังไง"

"อ๋อ พอคุณออกจากบ้านไป ฉันก็นั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าบ้าน มีผู้ชายคนหนึ่งผ่านมาถาม ฉันเลยเล่าให้ฟัง

เขาอาสาว่าจะซ่อมให้ โดยขอนอนกับฉันครั้งหนึ่ง หรือไม่ก็ทำคุกกี้ให้เขา"

"เหรอ แล้วเธอทำคุกกี้อะไรให้เขาล่ะ" สามีถาม

"นี่คุณ" ภรรยาขึ้นเสียง

"ดูหน้าผากฉันซิ มีอักษร S & P หรือเปล่า"

ชอบวิธีคิด

ในห้องเรียน ครูสาวสวยคนหนึ่งกำลังพยายามสอนนักเรียนในวิชาคณิตศาสตร์ เธอยกตัวอย่างโจทย์ให้นักเรียนว่า

"มีนก 3 ตัว เกาะอยู่บนสายไฟ นายพรานเอาปืนยิงโดนนกตัวหนึ่งตกลงมาจะเหลือนกกี่ตัวบนสายไฟ?"

"ไม่เหลือเลยครับ" เด็กชายต้น ตอบด้วยแววตาเด็กมีความคิดอ่าน

"ไม่ใช่ ไม่ใช่ เอ้า เธอลองคำนวณดูอีกทีสิ" ครูสาวตอบด้วยความอดทน พร้อมทั้งชูนิ้วขึ้นสามนิ้วประกอบการอธิบาย

"มีนกสามตัวเกาะบนสายไฟ นายพรานยิงไปหนึ่ง" ครูสาวพูดจบพร้อมทั้งลดนิ้วลงหนึ่งนิ้ว

"จะมีนกเหลืออยู่บนสายไฟกี่ตัวเอ่ย ?"

"ไม่เหลือเลยครับ" เด็กชายต้นตอบย้ำอีกอย่างขึงขัง

ครูสาวชักสงสัยในความมั่นใจของลูกศิษย์

บอกครูซิ เธอมีเหตุผลอย่างไร ถึงคิดว่าเป็นอย่างนั้น"

"ง่ายมากครับ" เด็กชายต้นตอบ "เมื่อนายพรานยิงปืนหนึ่งนัดโดนนกหนึ่งตัว นกที่เหลือจะตกใจบินหนีไปหมด"

"อืม ดี ถึงแม้ว่าไม่ถูกต้องตามโจทย์และหลักคณิตศาสตร์ แต่ครูชอบวิธีคิดของเธอนะ" ครูสาวตอบ

"เอาอย่างนี้ดีกว่าครับครู ให้ผมถามมั่ง" เด็กชายต้นเริ่มบ้าง

"มีผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่

ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม

ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม ส่วนผู้หญิงคนที่สามดูดแท่งไอติม

ผมถามครูว่า... ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว"

ครูสาวมองหน้าเด็กชายต้น ถึงทำหน้าไม่ถูก แต่หน้าครูสาวก็แดงระเรื่อขึ้น แล้วอึ้งไป

"ครู ครู ผมถามอีกทีก็ได้นะ มีผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่งกำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่ ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม ส่วนคนที่สามดูดแท่งไอติม ผมถามครูว่าผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว"

"เอาอย่างนี้แล้วกันนะเธอ" ครูเริ่มกระซิบที่ข้างหูเด็กชายต้น

"ครูว่าผู้หญิงคนที่ดูดไอติมแท่งน่ะ เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว"

"ไม่ใช่ครับครู คนที่แต่งงานแล้ว ...

คือคนที่มีแหวนแต่งงานสวมอยู่ที่นิ้วมือไงครับ"

เด็กชายต้นอมยิ้ม พร้อมกับพูดตบท้าย


"ถึงครูจะตอบไม่ถูก แต่ผมก็ชอบวิธีคิดของครูนะ"



ของขวัญวัน Valentine ให้อะไรแฟนดีน๊า

กาลละครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..มีสาวสวยคนหนึ่งท่าทางกลุ้มใจได้มาหาคุณแม่เพื่อขอคำปรึกษาว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญวัน Valentine ให้กับแฟนหนุ่มดี

หญิงสาว “คุณแม่ขาใกล้จะถึงวัน Valentine แล้วค่ะ จะซื้ออะไรให้เค้าดี”

คุณแม่ “แฟนลูกเป็นคนยังงัยจ้ะ”

หญิงสาว “เป็นคนดีมากค่ะ หล่อเข้าขั้นนายแบบมีความรับผิดชอบเหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ไม่เล่นการพนัน ไม่เจ้าชู้”

คุณแม่ “เค้ามีพี่น้องกี่คนจ้ะ ”

หญิงสาว “เค้าเป็นลูกคนเดียวค่ะ”

คุณแม่ “แล้วหน้าที่การงานของเค้าละลูก”

หญิงสาว “เค้าจบด๊อกเตอร์มาจากเมืองนอก หน้าที่การงานระดับผู้บริหาร ฐานะทางบ้านเข้าขั้นเศรษฐีเลยละค่ะคุณแม่ขา”

คุณแม่ : “แม่ว่า “ให้ท่า” เค้าเถอะลูก !!!”

ผมเกือบเสียตัวให้น้องสาวแฟน

ผมกับแฟนคบกันมาได้ปีกว่าแล้ว และเราตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน …

พ่อแม่ของผม คอยช่วยเหลือเราในทุก ๆ ทางเพื่อนๆก็ล้วนแต่ให้กำลังใจ
ส่วนแฟนของผมน่ะเหรอ ? เธอเป็นความฝันของผมเลยล่ะ

แต่มันมีอยู่อย่างนึง ที่รบกวนจิตใจผมเหลือเกิน
ให้ตายเถอะ… สิ่งเดียวสิ่งนั้นก็คือ
น้องสาวของแฟนผมนั่นเอง!!

เธออายุ 21 ปี และชอบนุ่งมินิสเกิร์ตฟิตเปรี๊ยะตัวสั้นจู๋
เวลาที่เธอเข้ามาใกล้ๆ ผม..
เธอมักจะชอบก้มตัว ให้ผมได้แอบเห็นกางเกงในของเธอทุกที
ผมรู้ว่าเธอจงใจ.. เพราะไม่เคยเห็นเธอทำอย่างนี้กับใครเลย

มีอยู่วันนึง น้องสาวแฟนผม ก็โทรมาหาผม…
และขอให้ผมไปช่วยเช็คการ์ดแต่งงานที่บ้าน
พอผมไปถึง จึงได้รู้ว่า…. เธออยู่บ้านคนเดียว!!

เธอกระซิบที่ข้างหูผม ว่า…
อีกไม่นานผมก็จะแต่งงานกับพี่สาวของเธอแล้ว
เธอเองมีความรู้สึกและความต้องการบางอย่างที่เธอเอาชนะมันไม่ได้
และเธอไม่ต้องการจะเอาชนะความรู้สึกนั้นด้วย..

เธอบอกว่าเธออยากจะมีอะไรกับผม!!!
แค่ครั้งเดียวเท่านั้น..
ก่อนที่ผมจะแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกับพี่สาวเธอ

ผมช็อคไปเลย พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เธอบอกว่า…
เธอจะขึ้นไปรอข้างบนห้องนอน
ถ้าผมอยากจะให้มันเป็นไปอย่างที่เธอว่าก็ให้ตามเธอขึ้นไป
ผมนิ่งอึ้งไปหมด และมองเธอก้าวขึ้นบันได้ไป

พอเธอขึ้นไปถึงขั้นบนสุด….
เธอก็ถอดกางเกงชั้นในออกแล้วโยนมันลงมาข้างหน้าผม!!
ในวินาทีนั้นเอง ผมลุกขึ้นยืน…
และรีบเปิดประตูบ้านออกไป เดินตรงไปที่รถทันที

สิ่งที่ผมพบ คือ ว่าที่พ่อตาของผมกำลังยืนอยู่ข้างนอกบ้าน….
ดวงตาของเขาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
เขาเข้ามาสวมกอดผม และพูดว่า….

“ พวกเราดีใจเหลือเกินที่คุณผ่านการทดสอบครั้งนี้มาได้
เราคงหาคนที่ดีกว่านี้ให้ลูกสาวของเราไม่ได้อีกแล้ว ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเรา ”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า……..

จงเก็บถุงยางไว้ในรถของท่านเสมอ!!


แฟนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

ชายอเมริกันคนหนึ่งได้พบรักกับสาวชาวเยอรมัน

เขาจึงได้ตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกับเธอ
และนำเธอมาอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน

แม้ว่าเธอจะพูดอังกฤษไม่ได้เลย
แต่ด้วยความรัก ทำให้เธอตัดสินใจย้ายมาอยู่ในอเมริกากับเขา
ทุกครั้งถ้าเป็นไปได้ เมื่อเธอจะไปไหน
ไม่ว่าไปเที่ยวหรือไปซื้อของ
เธอก็จะพาสามีของเธอไปด้วยเพื่อที่จะไปสื่อสารกับคนอื่น

แต่ก็มีความจำเป็นที่เธอจะต้องออกไปตลาด
เพื่อซื้อกับข้าวมาทำให้สามีเธอกินทุกเย็น


เย็นวันหนึ่ง สามีของเธอบอกเธอว่า เขาอยากกินขาหมูอบ
เมื่อเธอไปที่ตลาด เธอพูดอย่างไร คนขายก็ไม่เข้าใจเธอ
เธอจึงตัดสินใจถกกระโปรงขึ้น แล้วชี้ขาของเธอให้เขาดู
คนขายจึงเข้าใจและนำขาหมูมาให้เธอ

อีกวันหนึ่ง สามีเธอต้องการที่จะกินอกไก่ เธอก็ไปที่ร้าน
และพยายามที่จะบอกคนขายอีก แต่ก็ไม่สำเร็จ
เธอจึงตัดสินใจถอดเสื้อออก
แล้วชี้ไปที่หน้าอกของเธอจึงเข้าใจ

แต่แล้วเย็นวันหนึ่ง
เมื่อสามีของเธอบอกเธอว่าเขาต้องการที่จะกินไส้กรอก
เธอก็จนใจ จึงตัดสินใจพาสามีของเธอออกไปด้วย

คุณคิดว่าเธอจะทำอย่างไร?


..........................................

กำลังคิดอะไรกันอยู่

ลืมไปแล้วเหรอไง

สามีเธอพูดภาษาอังกฤษได้ !!

ผู้จัดการอยากมีเพศสัมพันธ์กับเลขาสาว

ผู้จัดการอยากมีเพศสัมพันธ์กับเลขาสาว
เลยบอกตรงๆว่า

“พี่ขอมีอะไรด้วย พี่จะวางเงินไว้ให้หนึ่งพัน

เธอก้มลงเก็บตังค์ พอยืนขึ้นเมื่อไหร่ พี่ก็จะหยุด ok มั๊ย”

เลขาตอบ “เอ่อๆๆ หนูขอถามแฟนก่อน น๊ะค๊ะ”

แล้วเลขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้แฟนฟัง “แค่ก้มเก็บตั้งค์แล้วยืนขึ้นก็พอเหรอ … สักสองพันดีมั๊ย … ใช้เวลาแค่ก้มลงเก็บเอง

อีก 2 นาทีโทรกลับมาน๊ะ ก้มเก็บตังค์แป๊บเดียวเอง”

10 นาทีผ่านไป ฝ่ายชายก็โทรกลับมา “ทำไมไม่โทรกลับ นานแล้วเนี่ยะ”

“โอ๊วๆ อู๊ว ยางงงงง ไม่เสร็จค่ะพี่ โอ๊วๆๆๆๆ”

“รัยว๊ะก้มลงเก็บตังค์ แค่นี้เอง”

“โอ๊ววว โย๊ๆๆๆ อ๊าๆๆๆ …. หนูไม่รู้ว่ามันเป็นเหรีญบาทค่ะพี่ อ๊ากๆๆๆ โอ๊วววว”

…..

รอดตายเพราะผายลม

อยู่มาวันนึงทางโรงพยาบาลบ้า ได้ให้คนไข้ที่อาการดีขึ้นมากๆ
บบเริ่มจะหายบ้า สามารถลากลับไปเยี่ยมญาติได้หนึ่งวัน ทำให้
คนบ้าที่มีอาการดีขึ้นทั้งหลายรวมทั้งนายหิด
ต่างก็ดีใจที่จะได้กลับบ้าน แต่ว่า ถ้าเราจะตามไปดูพฤติกรรมฮา ๆ
ของคนไข้ทุกราย ก็คงไม่ไหว
ฮาฮาฮาาาา…. ดังนั้นขอตามไปดูนายหิด คนเดียว

ขณะที่นายหิดกำลังจะถึงบ้าน เขากำลังข้ามถนน
แต่นายหิดไม่ทันได้มองดูรถเลย
เพราะความรีบร้อนที่อยากจะกลับบ้านไวไว ได้มีรถเบนซ์ E-กลม
ขับมาด้วยความเร็วสูง
ชนเข้าที่นายหิดอย่างจัง และรถ ก็ได้เสียหลักไปชนกะเสาไฟฟ้า
รถคันนั้นมีคนนั่งมา 2 คน
คนหนึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ อีกคนเป็นนักปรัชญา แต่ทว่าทั้ง 3
คนรวมนายหิดด้วยอาการสาหัส
ยมฑูตจึงมารับตัวไป แต่เมื่อ ไปถึงยังนรก ท่านยมบาลบอกว่าเจ้า 3
คนมีสิทธิ์ที่จะรอดหรือตาย
เพียงแต่ว่าเจ้าต้องทายคำถามข้า แล้วคำถามนั้นถ้าข้าตอบไม่ได้
เจ้าก็จะรอด
แต่ถ้าข้าตอบได้ เจ้าก็ต้องตายอยู่ในนรกนี่แหละ 55555…..

นักวิทยาศาสตร์เป็นคนถามคนแรกก็ถามเกี่ยวกะ สมการ
สารเคมีที่สลับซับซ้อน
แต่ท่านยมก็ตอบได้ ไอ้นี่ตาย…….


คนที่สองนักปรัชญา ได้ถามเกี่ยวกะปรัชญาของขงจื๊อที่เข้าใจย๊ากยาก
แต่ท่านยมก็ตอบได้ ไอ้นี่ตาย…… 555555

ในที่สุดก็มาถึงคนสุดท้าย นายหิด ไอ้บ้าแห่งศรีธัญญา

ยมบาล : คนที่มากะเจ้าตายหมดแล้ว และข้าดูประวัติเจ้าแล้ว
ข้าว่าเจ้าไม่รอดแน่ๆๆ ตายเลยดีกว่ามั้ง ฮาฮาาาาา….

นายหิด : เดี๋ยวก่อน! ไหนๆ ข้าก็ต้องตายอยู่แล้ว ขอถามหน่อยละกัน
แต่ก่อนอื่นข้าขอเก้าอี้ที่มีรูเก้ารูมาให้ข้านั่งได้มั้ย

ยมบาล : ได้

หลังจากที่นายหิดนั่งเก้าอี้ที่มีรูถึงเก้ารู นายหิด
ก็ตดออกมาอย่างจังงงงง…… ปู้ด ป้าด ปี๊ด
…… ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว นรก ทำให้ยมฑูตหลายท่าน
อ๊วกแตก อ๊วกแตนกันเป็นแถว

ยมบาล : เจ้าคนบ้า เจ้าทำแสบมาก รีบทายมาเลย
อย่างเจ้านี้ต้องเอาให้หนัก

นายหิด : ท่านยม ท่านรู้มั้ย ข้านั่งอยู่บนเก้าอี้เก้ารูเนียะ
ล้วตดของข้าออกมาจากรูไหน

ยมบาล : รูที่ 1

นายหิด : ผิด

ยมบาล : ฮาฮาาา ข้ารู้แล้วรูที่ 5 แน่เลย

นายหิด : ผิด

ยมบาล : ถ้างั้นข้ายอมแล้ว ไหนบอกมาสิ ตดของเจ้าออกมาจากรูไหน

นายหิด : รูตูด………..

ยมบาล : ?!!?!


ผลสุดท้ายยมบาลก็เลยต้องส่งวิญญาณของนายหิดกลับไปมีชีวิตต่อไป

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ค้างคาว 3 ตัว




กาลครั้งหนึ่งมีค้างคาว 3 ตัว อาศัยอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกัน

มีค้างคาวเด็ก ค้างคาวหนุ่ม และค้างคาวเฒ่า
ปกติมันทั้ง 3 จะผลัดเวรกันออกไปหาเลือดสดๆ มาแบ่งปันกัน
และวันนี้เป็นเวรของเจ้าค้างคาวน้อย

ค้างคาวน้อยออกไปนาน....นานมาก ก็ยังไปกลับ
แต่ที่สุดแล้วมันก็กลับมา...

' ข้าขอโทษนะที่หาอาหารมาให้ไม่ได้
ข้าคิดว่าช่วงนี้เป็นหน้าแล้งสัตว์ต่างๆพากันอพยพไปหมด'
ค้างคาวน้อยบอกเสียงเจื้อยแจ้ว

' ไม่ใช่หรอก เจ้าหนะ ยังด้อยประสบการณ์นัก
เดี๋ยวข้าออกไปเอง...' เจ้าค้างคาวหนุ่มกล่าว..

ว่าแล้วมันก็ออกไป และออกไปนาน..นานกว่าเจ้าค้างคาวน้อยอีก...
และก็กลับมามือเปล่า ..

' สงสัยท่านผู้เฒ่าต้องช่วยพวกเราแล้วหละครับ' เจ้าหนุ่มกล่าว
ว่าแล้วค้างคาวผู้เฒ่าก็ออกไป...

.... ไม่น่าเชื่อ....เพียงไม่นาน

ท่านผู้เฒ่าก็กลับมา พร้อมกับเลือดสดๆ เต็มปาก....

' ท่านทำได้ไงเนี่ย ท่านผู้เฒ่า...'
ค้างคาวทั้งสองร้องด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ ...

ท่านผู้เฒ่ากล่าวอย่างเคร่งขรึม..... ..
'พวกมึงเห็นต้นไม้ด้านหน้านั้นมั้ย'.......

...' เห็นครับท่าน'....



'นั่นแหละ.........................กูไม่เห็น'

ไอ้หนุ่มฮาเลย์


ไอ้หนุ่มคนหนึ่งใฝ่ฝันมานานแล้วว่า อยากได้มอ'ไซค์ฮาเลย์ซักคัน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเก็บเงินได้มากพอจนสามารถซื้อฮาเลย์ได้

แต่ก่อนที่จะออกจากโชว์รูม คนขายเตือนเขาว่า ให้ระวังชิ้นส่วนที่ชุบโครเมียมจะหมองถ้าโดนฝน

ไอ้หนุ่มมอ'ไซค์เห็นจริงดังนั้นเลยถามคนขายว่าควรทำอย่างไรดี แล้วก้อได้คำตอบว่า ให้พกวาสลีนติดตัวไว้เสมอ เวลาฝนจะตกก้อเอาวาสลีนไปละเลงตรงที่ชุบโครเมียม

ด้วยความรักที่มีต่อมอ'ไซค์ราคาแพง ไอ้หนุ่มคนนั้นจึงพกวาสลีนติดตัวตามที่ได้รับคำแนะนำมา

ต่อมาไม่นาน ไอ้หนุ่มมอ'ไซค์ก้อพบรักกับสตรีนางหนึ่ง ถึงขนาดพาซ้อนฮาเลย์ไปใหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลาความรักของทั้งสองคนเบ่งบานขึ้นจนสาวเจ้าออกปากเชิญไปกินข้าวเย็นที่บ้านกับครอบครัวของเธอ

ไอ้หนุ่มฮาเลย์ตกลงทันทีแต่เธอบอกว่าที่บ้านเธอมีธรรมเนียมแปลกอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือหลังอาหารเย็นสิ้นสุดลง ใครพูดออกมาเป็นคนแรกต้องล้างจานทั้งหมด

ไอ้หนุ่มรู้สึกแปลกใจแต่คิดว่าคงน่าสนุกดี ดังนั้นหลังอาหารเย็นทุกคนซึ่งประกอบด้วย พ่อแม่ของฝ่ายหญิงและคู่รักหนุ่มสาวจึงพากันรูดซิปปากกันถ้วนหน้า

กาลผ่านไปเป็นชั่วโมงจนไอ้หนุ่มรู้สึกอึดอัดแต่แล้วเขาก้อคิดอุบายออกมาได้อย่างหนึ่ง
เขาหันมากอดจูบแฟนสาวต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ แต่ผิดคาดไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว

ไอ้หนุ่มมอ'ไซค์ไม่ยอมจำนนง่ายๆ เขาจับสาวเจ้าให้ขึ้นไปนอนบนโต๊ะอาหารแล้วจัดการ ....เซ็นเซอร์.... ทันที ... ไม่มีใครเอ่ยปากแม้แต่คำเดียว!!!

ไอ้หนุ่มรู้สึกประหลาดใจมากแต่ยังไม่ยอมแพ้ คราวนี้ลงมือ ....เซ็นเซอร์.... กับแม่ของฝ่ายหญิงอย่างดุเดือดแต่แล้วก้อเหมือนเดิม ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย

คราวนี้ไอ้หนุ่มฮาเลย์รู้แล้วว่าคงไม่มีทางเอาชนะเกมนี้ได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้ยินเสียงฟ้าร้องครืนมาแต่ไกลแน่แล้ว ฝนกำลังจะตกแน่ๆ สิ่งแรกที่เขาคิดคือต้องเอาวาสลีนไปทารถมอ'ไซค์ซะก่อนที่จะเปียกฝน

คิดแล้วเขาก้อล้วงเอากระปุกวาสลีนออกมา....

"เอาหล่ะ" เสียงหนึ่งทำลายความเงียบขึ้น เป็นของพ่อของแฟนสาวนั่นเอง

"ถ้ามึงจะเอาขนาดนี้เลยล่ะก้อ กูล้างจานเองก้อได้..." ฮา ๆๆๆ

เหมือนเลย......ใช่เลย









อูบุนตู้





วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์หลักทรัพย์ด้วยตนเอง ตอนที่1: หุ้นดี คุณอยู่ไหน

รายงานโดย :กฤษฏา เสกตระกูล

ผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนมักจะอธิบายว่า ความสำเร็จในการลงทุนจะเกิดขึ้นได้ นักลงทุนจะต้องมีวินัยอย่างมากในการค้นหาข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลของหลักทรัพย์เป้าหมายซึ่งจำเป็นจะต้องกระทำอย่าง มีกระบวนการ ผู้ลงทุนควรจะต้องทราบวิธีการค้นหาบริษัทจดทะเบียนเป้าหมาย ซึ่งอาจมีได้หลายวิธี และจำเป็นต้องมีความรู้ในการประยุกต์ใช้ ถัดจากนั้นจะเป็นการวิเคราะห์เพื่อคัดสรรหาบริษัทจดทะเบียนเป้าหมายที่ดี

1.1 การค้นหาบริษัทจดทะเบียนเป้าหมาย จำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอดตามการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ธุรกิจต่างๆ เล็งเห็นความสำคัญของการระดมทุนในตลาดทุน การเข้ามาจดทะเบียนของธุรกิจต่างๆ เริ่มมีประเภทของธุรกิจอุตสาหกรรม ที่หลากหลายมากขึ้นเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ตนเองสนใจและสอดคล้องกับความเสี่ยงและผลตอบแทนในลักษณะที่ตนต้องการ

การค้นหาข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนสามารถทำได้ง่ายดาย โดยเฉพาะที่ตลาดหลักทรัพย์ซึ่งธุรกิจนั้นเข้าไปจดทะเบียน เนื่องจากเป็นหน้าที่หนึ่งของตลาดหลักทรัพย์ที่จะกำหนดให้บริษัทจดทะเบียนเหล่านั้นต้องนำส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและข้อมูลทางการเงินเข้ามาเป็นประจำที่ตลาดหลักทรัพย์ เช่น ในลักษณะของรายงานประจำปี งบการเงิน เป็นต้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศเหล่านี้ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อให้ นักลงทุนทุกคนสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ได้อย่างเท่าเทียมกัน

แต่เนื่องจากจำนวนบริษัทจดทะเบียน มีมาก ดังนั้นนักลงทุนจึงควรเรียนรู้เทคนิคในการคัดสรร (Screening) เพื่อให้ได้หลักทรัพย์ที่อยู่ในเกณฑ์การลงทุนของ นักลงทุน ซึ่งจะได้อธิบายเพิ่มเติมในภายหลัง จนถึงขณะนี้อาจกล่าวได้ว่า นักลงทุนสามารถเข้าไปค้นหาศึกษาข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนได้จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ เว็บไซต์ของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ก่อนที่จะก้าวไปสู่การวิเคราะห์ในขั้นต่อไป

1.2 แนวคิดในการวิเคราะห์เป้าหมาย เราจะพยายามค้นหาหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีความเข้มแข็ง (Strongest Candidates) โดยใช้หลักการที่ว่า บริษัท ที่เข้มแข็งจะมีโอกาสที่จะสามารถอยู่รอดได้มากกว่า ภายใต้หลักการนี้ เราจะตัดหรือกวาดเอาบริษัทที่อ่อนแอออกไป ทำให้จากจำนวนบริษัทเป้าหมายมากๆ เหลือน้อยลงมาเรื่อยๆ

http://www.posttoday.com/stockmarket.php?id=71353

1.3 เทคนิคในการคัดสรรแบบเร่งด่วน เพื่อคัดสรรหลักทรัพย์เป้าหมายจำนวนมากให้เหลือน้อยลง ถ้าเราใช้วิธีการวิเคราะห์อย่างละเอียดจะเป็นการเสียเวลามาก เราอาจหาเทคนิคในการคัดสรรแบบเร่งด่วน (Quick Prequalify) ซึ่งมีแนวทางดังนี้

- ตรวจสอบมูลค่าของหลักทรัพย์
มูลค่าของหลักทรัพย์จดทะเบียน (Market Capitalization) หมายถึง มูลค่าของกิจการโดยวัดจากราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัทคูณด้วยจำนวนหุ้นสามัญของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เราสามารถนำมูลค่าตลาดของหลักทรัพย์มาจัดกลุ่ม บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงมาก ปานกลาง และน้อย และเรียกกลุ่มเหล่านี้ว่า Large-Caps, Mid-Caps และ Small-Caps ตามลำดับเราคงไม่อาจกล่าวได้ว่าขนาดของมูลค่าตลาดแบบใดดีหรือไม่ดี แต่ละกลุ่มก็จะมีลักษณะพิเศษ ซึ่งอาจส่งผลทางบวกและลบ ซึ่งต้องพิจารณาในเรื่องผลตอบแทนและความเสี่ยง โดยทั่วไปบริษัทในกลุ่ม Large-Caps จะมีความมั่นคง (Safer) ส่วนบริษัทที่มีขนาดเล็กลงมาจะมีจุดเด่นในเรื่องการเติบโต (Growth Potential) การตัดสินใจว่าสนใจหุ้นกลุ่มใดเป็นพิเศษทำให้เราตัดบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอื่นออกไปได้ ทำให้จำนวนหลักทรัพย์ที่เราจะพิจารณาอย่างจริงจังเหลือน้อยลง

- ตรวจสอบอัตราส่วนที่ใช้ในการประเมินมูลค่า
อัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการประเมินมูลค่า (Valuation Ratios) บางตัว เช่น อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) หรือราคาต่อขาย (P/S) สามารถใช้เป็นตัวกำหนด หรือพิจารณาว่านักลงทุนในตลาดมองแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงาน (ยอดขายหรือกำไร) ของบริษัทอย่างไร บริษัทมีอัตราส่วนเหล่านี้สูง แสดงว่า 1 บาทของกำไรหรือยอดขาย นักลงทุนในตลาดให้ความสำคัญมาก มองว่าบริษัทนั้นจะเติบโตต่อไปได้อย่างมาก ราคาของหุ้นบริษัทนั้น ในวันนี้จึงมีค่าสูง หลักทรัพย์ที่มีค่าอัตราส่วนประเมินมูลค่าสูง ถูกพิจารณาว่าเป็น Growth Stock ในขณะที่หลักทรัพย์ที่มีอัตราส่วนในการประเมินมูลค่ามีค่าน้อย จะถูกพิจารณาว่าเป็น Valued Stock เนื่องจาก 1 บาทของกำไรหรือยอดขาย นักลงทุน เห็นว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อการขยายตัว ของกิจการ ราคาหลักทรัพย์ในตลาดจึงไม่สะท้อนมากนัก การแบ่งกลุ่มของหลักทรัพย์เป็น Growth หรือ Valued Stock สามารถใช้เป็นเทคนิคคัดสรรหุ้นให้เหลือกลุ่มเป้าหมายจำนวนน้อยลงได้


- ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย
ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) คือ จำนวนเฉลี่ยของหุ้นที่ซื้อและขาย ต่อวัน ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ถ้าค่าเฉลี่ยของปริมาณการซื้อขายต่อวัน มีค่าน้อยสะท้อนว่าหลักทรัพย์นั้นไม่ค่อยมีสภาพคล่องการซื้อขายซึ่งเป็นอุปสรรคในการลงทุน


- ตรวจสอบจำนวนหุ้นที่สามารถซื้อขาย
จำนวนหุ้นที่สามารถซื้อขาย (Float) คือ จำนวนหุ้นของบริษัทที่อยู่ในมือของ นักลงทุนโดยไม่รวมจำนวนของผู้บริหารและกรรมการซึ่งอยู่ระหว่างการห้ามนำออกมาขายแก่สาธารณชน (Silent Period) จำนวนหุ้นที่เรียกว่า “Float” แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนมือในการซื้อขายประจำวัน (Daily Trading) การพิจารณาจำนวนหุ้นที่ Float นี้ เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การเลือกหรือค้นหาหลักทรัพย์เป้าหมายด้วย นักลงทุนบางคนค้นหาบริษัทจดทะเบียนที่น่าสนใจและมีจำนวนหุ้นที่ Float ไม่มากนัก เนื่องจากถ้ามีข้อมูลในทิศทางบวกของบริษัทเหล่านี้ และซื้อเอาไว้ก็จะมีโอกาสได้กำไรสูง ในขณะที่นักลงทุนบางคนก็สนใจหลักทรัพย์ของบริษัทที่มี Float มาก เพราะมีแนวโน้มของสภาพคล่องในการซื้อขายสูง โอกาสเข้าหรือออกจากตลาดในการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นก็จะทำได้ง่าย

- ตรวจสอบกระแสเงินสดของกิจการ
การคัดสรรหลักทรัพย์อาจพิจารณาจากกระแสเงินสดของกิจการ โดยเฉพาะกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน (Cash Flow From Operation ) ซึ่งได้จากกำไรสุทธิ และกระแสเงินสดสุทธิอื่นๆ ที่ได้จากการดำเนินงาน และเราสามารถดูได้จากงบกระแสเงินสด ในงบการเงินของกิจการ กระแสเงินสดที่กล่าวถึงนี้ ใช้เป็นเกณฑ์เบื้องต้นที่จะบอกว่าบริษัทเป้าหมายมีฝีมือในการบริหารงานจากธุรกิจหลักของตนเองอย่างไร เช่น ในการขายสินค้าบริการ เราสามารถใช้เกณฑ์ เช่น ถ้าบริษัทใดมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานติดลบ เราจะตัดออกไปจากการเป็นหลักทรัพย์เป้าหมาย

- ตรวจสอบประวัติการเติบโตของยอดขายและกำไรในอดีต
เกณฑ์อันหนึ่งที่เราใช้พิจารณาว่าหลักทรัพย์นั้นน่าสนใจหรือไม่ คือการติดตามดูประวัติการเติบโตของยอดขายและกำไรในอดีต บริษัทที่น่าสนใจจะมีขนาดและอัตราการเติบโตของยอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้นและมีความต่อเนื่อง

- ตรวจสอบความล้าสมัยของผลิตภัณฑ์ของกิจการ
ในการคัดสรรหลักทรัพย์ต้องพิจารณาด้วยว่าสินค้าและบริการของกิจการที่เป็นที่นิยมอยู่หรือไม่มีความล้าสมัยหรือมีแนวโน้มที่จะล้าสมัยหรือไม่ สิ่งเหล่านี้กระทบต่อโอกาสการเติบโตทั้งการลงทุนในสินทรัพย์ ยอดขายและกำไรของหลักทรัพย์เป้าหมาย ซึ่งถ้าพบว่าผลิตภัณฑ์ของกิจการล้าสมัย เราสามารถใช้เป็นเกณฑ์ตัดหลักทรัพย์ของกิจการเหล่านั้นออกจากการพิจารณาได้